Kataomoi no Chiisana Koi - By Tegomass -

วันพฤหัสบดี, มกราคม 22, 2552

My favourite stuff - เพลงที่(ตอนนี้)ชอบ "Kataomoi no Chiisana koi"




Kataomoi no Chiisana Koi - The Unrequired Love



Kataomoi แปลว่า น่าสงสาร (ที่จริงคือน่าสมเพช แต่ดูแรง มันคงไม่ขนาดน้าน)

(เราเดาเอาจากเนื้อแปลที่อ่านมา อาจจะผิดก็ได้)

Chiisana Koi ก็คือ ความรักเล็กๆน้อย ไม่สำคัญ

ถ้าแปล จะเป็น ความรักเล็กๆน้อยๆที่ไม่เป็นที่ต้องการ
(คงไม่ถึงกับจะบอกว่าน่าสมเพชอ่ะ ช่องว่างของภาษาอ่ะนะคะ)

ฮ่าๆๆ ซุยดีมั้ยล่ะเนี่ย - -a




เพลงนี้เป็นเพลงประกอบ(1st Ending)

ของ Neo Angelique Abyss ~Second Age~

เป็นอนิเมะ(การ์ตูน)ที่ตัวเอกเป็นสาวน้อยซึ่งถูกรายล้อมด้วยชายหนุ่มรูปงาม

แต่ว่า เราไม่เคยดู ไม่สนใจเท่าไรด้วย เพราะงั้น...แค่นี้ละกัน อิอิ


แต่สิ่งที่เราสนใจคือความไพเราะ และคนที่ร้องเพลงนี้ตะหากล่ะ

พวกเขาก็คื๊ออ "Tegomass" สับเซตของวง News น่ะเอง


เราไม่ได้ชอบ News หรอกนะ เราชอบ Tegomass นั่นแหละ

ถ้าจะให้เจาะจงกว่านั้นคือ เราชอบ มัตสึดะอ่ะ (Masuda Takahisa)


จากในรูปนี้ มัตจี้(เราเรียกของเราเองล่ะ คนอื่นไม่เรียก - -a)คือคนขวาอ่ะ
คนซ้ายคือเทโกะจัง วะฮ่าๆๆ (เปลี่ยนเพศให้ซะงั้น)
มัตจี้น่าร๊ากกมากๆๆๆ
เป็นคนที่มีบุคลิกติงต๊อง บ้องแบ๊ว ไม่ขี้เก๊ก รั่วเล็กๆ แต่ดันบ้ากล้าม -"-
เรื่องบ้ากล้ามช่างก่อน ถ้ามัตจี้ไม่โชว์แขนก็หยวนๆล่ะ
แต่สิ่งที่ทำให้เราชอบมากก็คือท่าทางดูปัญญาอ่อนที่ไม่ได้แกล้งทำของเขาคนนี้
>_< กรี๊ดดด ...
เฮ้ยๆ ได้ข่าวว่าเราจะพูดเรื่องเพลงไม่ใช่เรอะ...
นี่ก็คือเนื้อเพลงของเพลงนี้เป็นแบบโรมาจินะ
แต่ว่าจะเป็นแบบฉบับ TV-Size เพราะว่าฉบับเต็มยังไม่ออกเลย
นี่มันเป็นแบบฉบับเพลงจบของการ์ตูนน่ะ จะสั้นๆ
Kataomoi no Chiisana Koi
(มัตจี้ร้อง)Nemurenai hodo suki desu
Kanawanai chiisana koi
Kimi nan desu kimi no koto desu
Futon no naka mogurikonda kedo

(เทโกะจังร้อง)Mabushii sono yokogao
Zenzen todokanai yo
Wasurenakya wasurerarenai
Kokoro no naka afureru

(ประสานเสียง)Kono kataomoi ni owari ga aru no nara
Oshiete yo
Kono kataomoi wo kizuite hoshii
Atomodori dekinai koi nan desu
(Credit from Gendou.com)
ทีนี้คำแปลนะ(เราแปลเองมาจากภาษาอังกฤษอีกที มั่วซั่ว ขอโทษที)
ฉันรักเธอมาก จนมันทำให้ฉันนอนไม่หลับ
(ฉันรู้ว่า)ความรักเล็กๆน้อยๆนี้ไม่มีวันจะสมหวัง
แต่นั่นก็คือเธอแน่นอน เป็นเธอจริงๆ (คนที่ฉันรัก)
แม้หลังจากกลิ้งไปมาบนเตียง(ก็ยังนอนไม่หลับ ไม่รู้ด้วยว่าตกลงมารึเปล่า - -a)
ฉันไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าเธอมาได้
และฉันลบใบหน้าของเธอออกไปจากความคิดไม่ได้เลย
ฉันจะต้องลืม... ฉันไม่สามารถลืม...
มันยังคงท่วมท้นอยู่ในใจของฉันตลอดมา
ความรักซึ่งไม่เป็นที่ต้องการนี้ หากมันจะมีวันจบสิ้นลงได้
ช่วยบอกฉันทีเถอะ
ความรักที่ไม่มีใครต้องการ แต่ฉันอยากให้เธอรับรู้ถึงมัน(ด้วยใจ)
เราไม่สามารถย้อนกลับไปได้(น่าจะหมายถึงย้อนกลับไปไม่รักแต่แรกมั้ง)
และฉันแน่ใจว่านี่คือความรักอย่างแน่นอน...
จบแล้วจ่ะ(ในวงเล็บ เป็นสิ่งที่เราเติมขึ้นมาเองเพื่อขยายความให้เข้าใจมากขึ้น)
อ่ะ เนื้อคันจิ (เพิ่มเติมจากที่มีคนขอมา)
眠れない ほど好きです
叶わない 小さな恋
君なんです 君のことです
布団の中 もぐりこんだけど
まぶしい その横顔
全然 届かないよ
忘れなきゃ 忘れられない
心の中溢れる
この片思いに 終わりがあるのなら
教えてよ
この片思いを 気づいて欲しい
後戻りできない 恋なんです
มันอาจจะมีค่า DO. ต่ำไปนิดนะ(น้ำเน่า - -") แต่เพลงที่มัตจี้ร้องน่ะ ยังไงก็ฟังได้หมด ฮิๆๆ
ก็มันเพราะด้วยนี่นา ความหมายถ้าดูดีๆมันก็สะท้อนความเป็นจริงนะ (ถึงจะเน่าก็เหอะ)
ถึงจะไม่ชอบเทโกะจังมากมายอะไร แต่ก็ยอมรับว่าเทโกะ
เสียงดีมาก มัตจี้ก็ด้วย จับคู่กันได้ดีที่สุดแล้ว
ไพเราะมากมาย เมื่อไหร่จะหาแบบ Full version ได้ซะทีน้า...
ลองฟังดูน้า เพื่อนๆๆ เพลงญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะมีแนวหลากหลาย
ไม่ลอกเลียนกัน และงานดนตรีของเค้าดีมากๆ
ลองไปหาเพลงอื่นๆฟังดูก็ได้ ถ้าใครสนใจฟังเพลงญี่ปุ่น คุยกับเราได้เสมอ อิอิ
เราไปนอนละนะ (ดึกมากๆๆๆๆ)
บายๆๆๆ
Maou-Shirouhi-047
Souseiseki daisuki! ><

วันพุธ, มกราคม 14, 2552

This is my LIFE!!!

สิ่งที่ชอบ เรื่องที่ชอบ ...





อาจารย์บอกให้พวกเราทำเรื่องที่ชอบ...





เรื่องที่เราชอบมีหลายอย่างเหมือนกันอ่ะ




ลองไล่ๆดูแล้วกันนะ...




เราชอบทำอาหาร(ถึงจะทำได้ไม่กี่อย่างก็เหอะนะ เหอๆ)




ชอบเล่นเกมส์อะไรก็ตามที่มันสามารถเล่นไปได้เรื่อยๆ ไม่ตื่นเต้น exciting เกินไป (เพราะเราจะลนและเล่นไม่ได้ แหะๆ)




ชอบดูหนังผี ชอบความมืดมน แต่ไม่ได้ชอบความชั่วร้ายนะ คนละอย่างกันนะ




ชอบวาดรูป(การ์ตูน) ชอบจินตนาการอะไรที่มันหลุดโลก เลยเคยพยายามเอามาเขียนนิยาย




แต่เขียนไม่จบ ได้ 13 ตอนก็เลิกอ่ะ เพราะเวลาของเรามันจะยิ่งน้อยลงผกผันกับอายุ หึๆ




(แต่ที่จริงคือขี้เกียจ แล้วหลังจากนั้นก็มีพล๊อตมากมายหลายเรื่องผุดมาในหัว มีProject จะแต่งมากมายก่ายกอง สุดท้าย โผล่ออกมาแต่ตัวละครกับข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะมีหลายเรื่องมาก แต่ไม่ได้ทำเป็นเรื่องราวเลย แหะๆๆๆๆ)






แต่ว่านะ สิ่งที่สำคัญ สิ่งที่เราชอบมากที่สุด สิ่งที่เป็นอะไรๆในชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่กำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตของเรา เป็น Potion ที่หล่อเลี้ยงให้ HP เรายังเพียงพอที่จะเคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา และสามารถเป็น Berserk Potion ให้เราบ้าคลั่ง อย่างมีความสุข(???)




นั่นก็คือ... CARTOON นั่นเอง




ที่จริง คำว่าการ์ตูนของเรามันออกจะแตกต่างจากที่เพื่อนๆเข้าใจอยู่บ้างล่ะมั้ง




บางคนอาจเห็นว่าไร้สาระ ก็แล้วแต่ ถ้าจะคิดแบบนั้น เพราะถ้าการ์ตูนสร้างความสุขให้เขาไม่ได้ เราก็ไม่เถียงว่ามันไร้สาระ สำหรับเขา ... แต่ตราบใดที่การ์ตูนสร้างความสุขให้เราได้ แล้วมันผิดตรงไหนที่เราจะชอบมัน... ถ้าไม่มีการ์ตูน สีสันในชีวิตของเราคงเหลือแต่ขาวกับดำ...ละมั้ง




เราว่ามันมีสาเหตุที่ทำให้เราบ้าการ์ตูนอยู่ล่ะ เรารู้ตัวเองดีเลย(ไม่เคยแน่ใจในตัวเองได้เท่านี้เลยนะ) นั่นเพราะว่า เราอยากพบเจอกับเรื่องที่สุดยอด อยากเจอเรื่องที่ลึกลับ เรื่องที่ไม่ใช่ธรรมดา ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำว่า "ก็ธรรมดาๆหนิ" เรื่องที่น่าตื่นเต้น ชักจูงให้คนเข้าไปค้นหา และเราว่าไม่ได้มีแต่เราที่เป็นแบบนั้นหรอก "คน" น่ะ มักจะถูกชักจูงเข้าหาอะไรแบบนี้อยู่แล้วล่ะ (เท่าที่คนคนนั้นจะยังไม่ทิ้งความฝันที่เคยมีในวัยเด็กไป)




สำหรับคนอื่นคงมีความต้องการมันในระดับปกติ แต่ก็น่าจะมีกันบ้างใช่ไหม แต่เราอยากให้มีอะไรแบบนั้นจริงๆจังๆเลยนะ(แอบบ้า) เหมือนว่าสิ่งนั้นจะสามารถเติมเต็มอะไรที่ขาดหายไปในตัวเราได้ แต่ว่าพอคิดแบบสามัญแล้ว มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ยังไง มันก็อธิบายได้ด้วยคำว่า "เพ้อเจ้อ" เท่านั้นอ่ะ




แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เราก็ยังทิ้งความฝันแบบนั้นไม่ได้ ยังไงลึกๆเราก็ยังเชื่อแบบนั้นอยู่ ก็พอมาลองคิดดูดีๆ การที่คนเรามีชีวิตอยู่แบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องมหัศจรรย์หรอกหรือ ถ้าสิ่งที่สุดยอดและน่าอัศจรรย์แบบนี้ยังมีอยู่ได้อย่างที่เราก็เห็นๆอยู่(จนทุกคนเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งทั่วๆไปไปแล้ว) แล้วสิ่งอื่นๆนอกเหนือจากนี้ล่ะ? เราสรุปมันได้ยังไงว่ามันจะ "เป็นไปไม่ได้" เพราะงั้นเราเลยทิ้งความหวัง ทิ้งความฝันแบบนี้ไปไม่ได้ ไม่ว่าใครจะว่าเราบ้า หรือประสาท แต่ยังไงเราก็ยังเข้าใจในสิ่งที่ควรจะเข้าใจนะ แล้วเราก็ปฏิบัติตัวตามที่คนทั่วไปตัดสินว่าปกติด้วย แต่เราแค่จะเชื่ออะไรนอกเหนือจากนั้นเท่านั้น ... นี่ล่ะ ต้นเหตุของความบ้าการ์ตูนของเรา ก็ทั้งหมดนั้นมันสามารถเป็นจริงได้ในโลกของการ์ตูน ถึงจะไม่ใช่ความจริง แต่เท่านี้ก็ดีถมเถแล้วสำหรับเรา ก็ยังไงดีล่ะ... ก็ยังมีคนที่ร่วมรับรู้เรื่องต่างๆร่วมไปกับเรา เข้าใจในสิ่งเดียวกับเรา ตามหาสิ่งเดียวกับเรา (เหล่าโอตาคุ)




อ่ะ... นี่คือความในใจเท่าที่สามารถอธิบายออกมาได้ ของโอตาคุคนหนึ่ง...




อ่านนี่แล้ว(ถ้าจะมีคนอ่านน่ะนะ) อาจทำให้เพื่อนๆบางคนเข้าใจเรามากขึ้น หรือไม่ก็เข้าใจว่าเราเป็นบ้าไปเลย ฮ่าๆๆ เรายอมรับมันด้วยความยินดีนะ ไม่สนใจหรอกค่ะ




ต่อไปนี้คือสิ่งที่เกี่ยวเนื่องโดยมีสาเหตุมาจากความบ้าการ์ตูนของเรา




- ฟังเพลงอนิเมะ (มีทั้งภาษาญี่ปุ่น อังกฤษ บางทีก็มีภาษารัสเซีย ภาษาอะไรอีกไม่รู้ด้วยล่ะ) สุดท้ายก็ลามมาฟังเพลงอื่นๆ(JP)ที่ไม่ใช่เพลงอนิเมะด้วย


- แกะเนื้อเพลงอนิเมะเป็นโรมาจิ (คำอ่านภาษาญี่ปุ่นโดยใช้ตัวอักษรอังกฤษ)


- ร้องเพลงอนิเมะ (ต่อหน้าคนอื่น เราไม่ค่อยกล้าร้องน่ะ แต่ถ้าอยู่คนเดียว เราสามารถพอสมควรนะจ๊ะ ก็ชอบนี่หว่า...)


- หาคำแปลของเพลงอนิมะ (อันนี้ทำให้ได้ความรู้ภาษาญี่ปุ่นมาบ้างติ่งนึง)


-อ่านการ์ตูน ดูอนิเมะ(บางเรื่อง... อนิเมะดูไม่เยอะ จริงจริ๊ง) อันนี้เรื่องปกติเนอะ


-เย็บอุปกรณ์ที่ใช้กับการแต่งคอสเพลย์ (ก็ไม่ได้ดีเด่อะไรอ่ะ แต่แค่ชอบ แล้วก็ไม่ได้ทำออกมาอลังมาก แค่ที่คาดผมโลลิต้า กับ Apron โลลิต้าเท่านั้น) อันนี้อาจมาจากเราชอบเอง ไม่เกี่ยวกับการ์ตูนมากนัก อาจจะเกี่ยวตรงแนวทางของสิ่งที่เราเย็บออกมา


- วาดรูปการ์ตูน(แต่วาดเป็นเรื่องการ์ตูนไม่ได้นะ เราวาดการ์ตูนเป็นแต่หน้าตรงเท่านั้น เพราะไม่เคยหัดวาดสัดส่วนหรืออะไรจริงจัง ชอบวาดส่วนหัวมากเลยน่ะ)


-สะสมตุ๊กตาเด็กผู้หญิง (ที่จริงพึ่งเริ่ม ยังมีแค่สองสามตัว แต่จากนี้จะมีมากขึ้น เพราะพึ่งตามหาร้านเจอ แต่ยังไม่เคยไป จะไปถูกไหมเนี่ย - -a) อิทธิพลมาจากการ์ตูนยังไงก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ แต่เราว่ามันต้องเกี่ยวกันแน่ๆเลย








นอกจากทั้งหมดนั้น การ์ตูนยังให้อะไรกับเรามากมาย...


เวลาที่เราเจอกับสิ่งที่คิดว่าแย่สุดๆ เราจะหมดแรงสู้แล้วนะ ... แต่พอดูตัวการ์ตูนบางตัว มีชีวิตน่าเศร้า โหดร้าย ร้ายแรงยิ่งกว่าเราแบบสุดๆ เขาก็ยังต่อสู้ ไม่ยอมแพ้กับชะตาชีวิต กับวินาทีที่เลวร้ายที่สุด เพราะงั้นเราก็เลยไม่ยอมแพ้ด้วย ... เราอยากจะสู้ให้สุดๆ ทำให้ได้แบบนั้นบ้าง ถึงที่สุด...




การ์ตูนบางเรื่อง คนแต่งต้องการจะสื่อความรู้สึกบางอย่างที่คนทุกคนมี แต่ไม่มีใครเคยพูดออกมาเลย ซึ่งคนแต่งคนนั้นสามารถทำให้มันออกมาเป็นเรื่องราว ที่ทำให้ทุกคนเข้าใจได้ และตระหนักได้ว่า ทุกคนย่อมมีความรู้สึกเช่นนั้นอยู่ เราสามารถจะเข้าใจกันและกัน และมอบสิ่งที่คนอื่นโหยหาได้ ด้วยตัวของเรา เพียงแค่เราทำอะไรเล็กๆน้อยๆแค่นั้น มันเหมือนเวทย์มนตร์ที่บันดาลความสุขให้กับเราและคนอื่นได้




การ์ตูนเติมเต็มสิ่งที่เราโหยหา ก็อย่างที่บอกไป ทำให้เรามีความสุขอย่างที่ไม่อาจหาได้จากอย่างอื่น เป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูกเลย ทำให้เราอดยิ้มไม่ได้ การ์ตูนสร้างรอยยิ้ม เย้ๆ




และก็ยังทำให้เราเสียน้ำตา(มหาศาล) ไม่ใช่ว่าไม่ดีน้า ก็ทำให้เราเข้าใจว่า เรื่องโหดร้ายในชีวิตมันมีอยู่เสมอ เราต้องเข้มแข็งและอยู่กับมันให้ได้ไง




การ์ตูน ทำให้มีความรู้กว้างขวางด้วย(รึไม่กว้างหว่า?) อย่างน้อยก็พวกประเพณีของญี่ปุ่นบางอย่าง เรื่องภาษา(กรณีดูอนิเมะพากย์ญี่ปุ่น และสับEng)




ทำให้เรามีเพื่อนด้วย เพื่อนที่บ้าการ์ตูนเหมือนกันไง






เอาล่ะ วันนี้ก็พล่ามเรื่องการ์ตูนมาเยอะแล้ว (เหนื่อยนะเนี่ย -"-)




เราไปนอนล่ะ งานก็เยอะ เพื่อนๆเบื่อกันไหม




เราอ่ะ บรรพบุรุษ(Cotr)เบื่อเลยอ่ะ




ทำอะไรก็ไม่เสร็จสักอย่าง เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำละกัน ง่วงและ (ยังต้องไปทำอุปกรณ์ที่คณะอีก เหอะๆ)




ขอให้เพื่อนๆทุกคนมีความสุขนะ




ที่จริงเราเป็นมิตรนะจ๊ะ แม้หน้าตาจะไม่ค่อยเป็นมิตร หน้ามันแย่อ่ะ อะโหย โทษหน้า - -a




ถ้าจะหาว่าเราบ้าก็ไม่เป็นไร




(เพราะเป็นคนบ้าที่เข้าใจยากเลยไม่มีใครอยากทำความเข้าใจอ่ะ ก็เรามัน แปลกเกินไป ก็เลยเป็นแบบนี้แหละ น่าเศร้าจังนะคะ แต่เราก็เลือกจะเป็นแบบนี้ ให้เป็นคนปกติที่ชีวิตเป็นสีขาวดำอ่ะ ไม่เอาด้วยเหรอก)






ไปนอนละค่ะ Oyasumi-nasai


Maou-Shirouhi-047





อันนี้คือ Signature Souseiseki สุดที่รักที่ทำเองโดย Photoshop (ทำได้แค่เนี้ย ใช้แบบโปรไม่เป็นอ่ะ ฮู่ๆๆ)


วันอาทิตย์, มกราคม 11, 2552

มิซากิจังกับอุซางิซัง...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!!!!!!







----------WARNING!----------




ถึงทุกคนที่(เผลอ)เข้ามา Blog ของข้าน้อยผู้นี้ อันที่จริงคงจะเป็นเพื่อนในคณะน่ะนะ




และหวังว่าอาจารย์คงจะไม่มาเข้า Blog หน้านี้นา (เสี่ยงนะเนี่ย อึ่ยๆ)




คือมันมีเรื่องที่เพื่อนๆบางคนอาจจะไม่รู้ (และบางคนก็คงรู้)




ถึงจิตใจในส่วนลึกของข้าน้อย(สรรพนามอะไรเนี่ย?)




สิ่งนั้นก็คือ "พลังวายอันยิ่งใหญ่ มาคู่กับพลังจิ้นอันใหญ่ยิ่ง" โอ้ ช่างอลังจริง (อะไรวะ?)








... ใช่แล้ว ข้าน้อยบ้าการ์ตูนมาก แม้อาจจะไม่ได้เป็นผู้รู้ขั้นโปรเฟส แต่ถ้าวัดจากระดับความคลั่งไคล้ในจิตใจ... มันช่างร้ายแรง




เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่เชื่อมต่อข้าน้อยไปยัง "โลกแห่งนั้น" อย่างไรเล่า (บ้า บ้า บ้าแน่ๆ)








เรื่องของเรื่องคือ... มันเกี่ยวกับการ์ตูนที่ข้าน้อยพึ่งบริโภคไปเมื่อเกี้ยอ่ะค่ะ...



...นี่ไง...








อ๊าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ไหวแล้วค่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ




อุตส่าห์อดใจไว้ตั้งนาน ว่าจะไม่ดูอนิเมะเรื่องนี้




เพราะคิดว่า...




ถ้าดูแล้วล่ะก็ มันจะหยุดไม่ได้ แง๊ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ToT




แล้วมันก็เป็นจริงตามคาด เพราะอยู่ๆก็เอามาดู (ทั้งที่กะลังจะสอบนะเจ๊)




แล้วมันก็หยุดไม่ได้ เอกซ์ตร้าคอมโบไป 12 ตอนจบภาคแรก (ปัจจุบันโหลดภาคสองมาเจ็ดตอนและ เพราะตอนแปดยังไม่ออก แต่จะยังไม่ดู อดใจไว้หลังก.พ. อ๊า...)




อนิเมะเรื่องนี้คือเรื่องอะไรน่ะหรือ? แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดา...






เพราะมันคือ JUNJOU ROMANTICA หรือ INNOCENT ROMANTICA อันโด่งดังในโลกสีม่วงที่แสนงดงามนั่นเอง งื้ออออออออออ...




จะขออธิบายย่อๆมากๆเลยว่ะ "YAOI"




อ่าฮ้า ถ้าผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน คาดว่ารับไม่ได้ จงถอยปายๆ (เฮ้ย เตือนช้าไปแล้วว่ะ) ...






ที่มาอ๊ากนี่ก็คือว่ามันไม่ไหวแล้ว




เพราะมันช่างเป็นความรักที่สุดแสนจะโรแมนติก จนทำให้ข้าน้อยต้องตัวสั่นงันงกด้วยความซาบซึ้ง




หลังจากดูไปสิบสองตอน...




ทั้งที่ข้าน้อยไม่ได้อ่านแนวนี้มานานพอดูละนะ




ไม่น่าเชื่อว่า มันจะมาอีกแล้ว ความรู้สึกเป็นสุขที่หาไม่ได้จากที่ไหน




อุซางิซังกับน้องหนูมิซากิ... ขอให้ทั้งคู่รักกันตลอดกาลลลลลลลลลลลล อ๊ากกกกกกกก




และนี่ก็คือ รูปพรีวิวนะจ๊ะ



ท่านนี้คืออุซางิซัง นักเขียนชื่อดัง(แอบเขียนนิยายบอยเลิฟด้วยงิ ข้าน้อยยังมีเลย สองเล่ม อะล้า~) และสุดยอดในหลายๆความหมาย กับมิซากิจัง น้องหนูที่ดันตกเป็นเหยื่อ... ไม่ช่าย เขาแค่มาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุจำเป็นบางอย่าง(จริงรึ? อุอุ) ... และแล้ว ความรักที่สุดแสนจะโรแมนติก (ไม่รู้ดิ เรียกงี้ได้เปล่า แต่ถ้าบอกว่า ความรักที่สุดจะอ๊ากกก ก็คงไม่เข้าใจกันใช่ไหม...) ก็ได้อุบัติขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีอีกสองคู่นะจ๊ะ

ถ้าดูรูปที่ต้น Blog ก็เรียงชื่อจากบนลงล่าง(สองคนหน้าไม่เกี่ยวเน่อ)ได้เป็น ฮิโระซัง โนวากิ ชิโนบุจิ้น และลุงมิยางิ(ถึงงั้นก็เท่นะเออ...หวาๆๆๆ >.<)

แบบว่า มังงะก็โดนกวาดล้างซะงั้น (ใจร้าย T T)
เลยต้องพึ่งอนิเมะ...

แต่ว่านะอนิเมะ สุดยอดค่า ...


เอาล่ะไปนอนละ พรุ่งนี้มีเรียนต้องเอามาสอบด้วย

(แล้วแกมาทำอะไรเนี่ย ยัยบ้าเอ๊ย +_+)

ไปละค่า ฝันดีนะทุกคน ข้าน้อยขอฝันถึงมิซากิจังกะอุซางิซังละกัน ว้ายๆๆๆ ><



Maou-Shirouhi-ID.047

วันจันทร์, มกราคม 05, 2552

Zilviaka & Rozellyne >.<


Zilviaka & Rozellyne (อ่านว่า ซิลเวียก้า และ โรเซลลีน ตามลำดับในภาพ) ตุ๊กตาที่เรารักมากเสมือนน้องสาว (ว้ายๆ)
ซิลเวียก้า เราได้มาตอน ม.ห้า เทอมสอง ก็ประมาณสามปีมาแล้วล่ะ
แต่โรเซลลีน พึ่งได้มาวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมาเองล่ะ แม่ซื้อให้ ดีใจทีสุดเลยค่า
ในที่สุด ซิลเวียก้า(สุดที่รัก)ของเราก็มีน้องสาวแล้ว ดีจังนะ
สังเกตว่า Costume ของ ซิลเวียก้า(ผมน้ำตาล)ดูแปลกใช่ไหม เพราะเราดัดแปลงเองล่ะ อิอิ

ชอบมากเลย อยากมีเวลาไปซื้อผ้าลูกไม้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องไปซื้อที่ไหน ส่วนใหญ่ซื้อมาแพงเกิน
อยากได้แบบเป็นม้วนๆเลยน่ะค่า
ไม่คิดบ้างเหรอ... สิ่งที่เหนือจินตนาการ สิ่งที่มากกว่าบรรทัดฐานของมนุษย์จะตัดสินและเข้าใจได้น่ะ มันน่าสนุกออก ~
มาโอ-Maou-Shirouhi
Souseiseki wa Shirouhi no Kokoro

วันพุธ, ธันวาคม 31, 2551

พัฒนาการของต้นขนุนกับน้องหมาเบบี๋


นี่คือต้นขนุนที่เติบโตแล้ว ดูดิๆๆ น่ารักมาเลยใช่ไหม






น้องต้นขนุนที่ระเบียงหอเราเอง
เป็นอันว่า เราคงจะส่งต้นขนุนในวิชา Pl Grow Tech ละ
ต้นมะขามดูมันจะแออัดไป มันเลยไม่ค่อยโตเลย...












และนี่คือ น้องหมาที่บ้านยายเรา มันมีลูกล่ะ น่าร๊ากกกกก ๑>.<๑


อันนี้คือน้องหมาที่เป็นหม่ามี๊





อันนี้ลูกน้อยสามตัว ตัวที่โดนทำเป็นหมอนเป็นผู้หญิง อีกสองตัวเป็นผู้ชาย




สุดหล่อทั้งสอง (หน้าตามู่ทู่มากอ่ะ น่าร๊ากก งื๊อออ \>.<\)

สุดท้ายนี้ก็ HAPPY NEW YEAR น้า ทุกคน
ถึงแม้ว่า มันจะมีเรื่องไม่ดีๆเกิดขึ้นมาในปีที่แล้ว
และในปีนี้เราก็ไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ถึงแม้เราจะหวังให้มีแต่สิ่งดีๆ กับชีวิตของทุกๆคน
แต่ใครจะรู้ล่ะ ชีวิตมันก็ไม่ได้สวยงามตลอดเวลา(อย่างน้อยก็ของเราแหละ)
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ จงสู้ต่อไปนะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
สิ่งที่ดีที่สุดคือการที่มีตัวเราและทุกๆคนอยู่ในวันนี้
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และทำให้เราเสียใจแค่ไหน
แต่เราคิดว่า เราโชคดีแล้วล่ะ ที่เป็นเราในวันนี้ โชคดีมากที่สุดเท่าที่เราจะเป็นได้
ถึงแม้เราอาจไม่ค่อยเห็นค่าในตัวเอง เราชอบดูถูกตัวเองบ่อยๆ
ชอบคิดมาก และก็กลัวว่า เราจะไม่ดีพอที่จะเป็นเพื่อนกับใครๆ
หรืออาจทำให้ใครไม่พอใจ ไม่ชอบ
เราอาจเป็นคนน่ารังเกียจสำหรับใครบางคน (แรงไปมั้ยเนี่ย)
บางทีเราก็อารมณ์ร้อน แล้วทำให้ใครเสียความรู้สึก
เราอยากขอโทษจริงๆ กับบางสิ่งที่เราทำไปตามอารมณ์(นิสัยไม่ดีเลย)
แต่เราก็อยากให้เพื่อนๆรู้ว่า เรารู้สึกดีกับทุกคนนะ
ถึงบางทีเราจะโกรธใครบ้าง
แต่เราก็หายโกรธเร็วมาก(อย่างไม่น่าเป็นไปได้เลยอ่ะ)
และเราก็คิดดูแล้ว ทุกคนก็คงมีเผลอทำอะไรไม่คิดกันมั่งแหละ
เราเองยังมีมากมายนับไม่ถ้วน
เพราะอย่างนั้น เลยขี้เกียจเอาเรื่องคนอื่นมาคิด
คิดเพื่อให้โกรธ มันไม่มีประโยชน์เลย
เพราะที่จริงเราคิดว่าไม่มีใครแย่หรอก คนเรามันต้องมีสองด้านเป็นธรรมดา
ถึงด้านมืดเราจะกินบริเวณในจิตใจไปเยอะสักหน่อย แหะๆ
ยังไงก็ตาม
เราต้องสู้ต่อไปนะ ต้องพยายามๆๆๆๆ
บางทีก็อยากขอโทษโลกนี้ที่เราเกิดมาแฮะ (เราเป็นบ้ารึเปล่าง่ะ)
รู้สึกว่า เกิดมาไม่ได้ทำให้โลกดีขึ้น หรือทำให้ใครหรืออะไรดีขึ้นเลย
ไม่รู้ว่าจะมีใครดีใจที่มีเราอยู่หรือเปล่า
แต่เรา "ดีใจที่มีเพื่อนแบบทุกๆคนนะเว้ยยย ขอบคุณมากๆที่เป็นเพื่อนกัน การที่ได้มีเพื่อนแบบพวกแกในตอนนี้ เป็นของขวัญที่ดีที่สุด ไม่อยากได้อะไรมากกว่านี้หรอก ชั้นรักพวกแกมากๆเลยยยยย จุ๊บส์... เอ่อ น่ากลัว - -a"
สวัสดีปีใหม่อีกทีน้า
วันนี้ไปนอนแล้วล่ะ ฝันดีค่ะ ทุกๆคน
Shirouhi - Maou -
Sou-chan wa watashi no KOKORO!!!

วันเสาร์, ธันวาคม 27, 2551

อ๊ะ! ต้นขนุนงอกแล้ว...


เรื่องของเรื่องก็คือ ต้นขนุนงอกแล้ว!!!


ฮ่าๆ คือว่าต้องส่งในวิชา PL GROW TECH อ่ะ


เพื่อนๆในคณะก็เรียนกันอยู่นิดหน่อยใช่ไหม


แต่ที่จริงมันงอกได้สักพักแล้วอ่ะ ตอนนี้มันสูงจะเป็นฟุตและ ฮ่าๆๆ (โตเร็วดีนะ)


เราเพียรรดน้ำให้มัน(ถึงจะลืมบ้าง) ด้วยความรักเลยนะเนี่ย (น่าสงสารต้นขนุนนะ เหอๆ)


ในรูปมันเล็กติ๊ดนึงใช่ไหม แต่มันก็งอกล่ะนะ ...



นี่ มีต้นมะขามด้วย แต่ว่า ต้นมะขามมันถูกนกจิกไปหน่อย หวังว่าจะรอดตายนะ เจ้าต้นมะขาม...
เราจะส่งต้นอะไรดีหว่า ปลูกมันตั้งสองอย่าง
ไว้ตอนส่งค่อยดูอีกทีละกาน อิอิอิ
มาโอ-Shirouhi 047

วันอาทิตย์, ธันวาคม 21, 2551

หายนะแล้วจ้า

สวัสดีเพื่อนๆ

จะว่าไปตอนนี้คงไม่มีใครมีอารมณ์มานั่งอ่าน Blog ใช่มั้ย
แต่เราไม่มีอารมณ์จะจมอยู่กับฟิสิกส์เลย... มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วทีเดียว... (โอ้...)
เรื่องของเรื่องคือเราเกลียดฟิสิกส์เข้าไส้เลยแหละ ตอนม.ปลาย เราเรียนฟิสิกส์ตอนแรกๆก็เกรดพอรับประทาน ไม่ได้สี่ ได้แค่สาม แต่ก็ So-so นะ คือตอนแรกๆมันเกี่ยวกับแคลคูลัส เราก็ไม่ได้เก่งอะไร
แต่คะแนนมันก็ยังไม่เน่าเวอร์ แต่พอเริ่มเข้าเรื่องของฟิสิกส์เข้าเท่านั้นล่ะ... เรารู้สึกว่ามันเข้าใจยากยิ่งกว่าความคิดของฮารุฮิซะอีก (Suzumiya Haruhi no Yuutsu เป็นการ์ตูนชื่อดังเรื่องหนึ่งที่คงมีคนในคณะรู้จักอยู่สองสามคน - -a)
เราไม่เคยได้ฟิสิกส์เกรดสี่เลย จนเทอมสุดท้าย ซึ่งก็อนุมานได้ว่าอาจารย์แกคงจะเวทนาแม่นี่เหลือทานทน เลยให้สี่มันสักครั้ง น่าขอบคุณท่านอาจารย์จริงๆ ช่างมีความกรุณา

ทีนี้มาถึงตอนสอบเอเน็ต... อิอิ...
ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะเข้าใจมันให้ได้เลย ไอฟิสิกส์เนี่ย แต่ไปๆมาๆ ก็ไม่ไหวง่ะ ไม่หวายๆๆๆๆๆ
แล้วก็ตั้งใจจะเข้าเศรษศาสตร์มากกว่าด้วย ซึ่งมันก็หาใช้วิทย์ไม่ เลยไม่สนใจเก็บใส่ถัง...ซะงั้นเลย
แล้วก็มาสอบๆ โดยตั้งความหวังกับเลขมาก (แม้จะทำโจทย์ทวนแค่สองปีย้อนหลัง) และพอเจอข้อสอบก็อึ้งเลยซะงั้น คาดว่าคะแนนคง... อย่าให้พูดดีกว่า
ชีวะก็อ่านมาอารมณ์เดียวกับอ่านนิยาย คือไม่ได้ท่องอะไร อ่านไปเรื่อยๆๆๆ (และก็จำอะไรไม่ได้ด้วย)
เคมีก็อ่านจบไปนานแล้ว ไม่มีการเอามาทวน แล้วก็ขี้ลืม ลืมอะไรก็ง้ายง่าย (ถามใครใครก็รู้) ก็เลยจำอะไรในเคมีไม่ค่อยจะได้เลยอีก

พอจบเอเน็ตก็ได้แต่ปลง จนวันคะแนนสอบนี่ล่ะ...
มันก็มีเรื่องให้ตื่นเต้นนิดนึง นั่นก็คือเลขที่คิดว่าจะเน่าจนหาคะแนนไม่ได้ กลับได้คะแนนดีกว่าที่คาดไว้มากโขอยู่ (อย่าคิดว่ามันมากนะ มันก็งั้นๆล่ะ แต่มันจะมาก เมื่อเทียบกับการได้ 0 คะแนนน่ะเข้าใจมะ)
ก็เลยโอเย้ ฉันน่าจะเข้าเศรษฐศาสตร์ (มหาวิทยาลัยของพวกเรานี้ล่ะ )ได้อยู่นะ คือเอาคะแนนไปเทียบๆกับปีที่แล้ว เอาเกรดเอาอะไรๆมาคิดด้วย (เกรดก็ไม่ดีหรอก โอเน็ตก็ซุยลูกเดียว) ก็พอประมาณว่าน่าจะได้ เออ แล้วก็เลยเอามาคิดเป็น % ของ กสพท. ด้วย... อุ... ไม่เยอะนะ แต่ก็มีโอกาสโดนหางเลขว่ะ จะโดนทันตะสักอันมั้ยเนี่ย บรึ๋ยยย... (เลือกแต่ทันตะไปสองอันดับ ไม่เลือกหมอ ให้เรียนหมอชั้นคงกระอักเลือดตาย ชั้นไม่ใช่คนแอคทิฟในการเรียนนะขอบอก แต่ชั้นไวต่อเรื่องไร้สาระมากทีเดียว... อย่างมานั่งเขียน Blog อยู่นี่ไง) จะเทียบกับปีก่อนก็ไม่ชัวร์อีก เพราะมันพึ่งเอาทันตะสองอันมารวมเป็นครั้งแรก แต่มันก็เป็นคะแนนอยู่ในระดับที่น่าหวาดเสียว (ว่าจะโดนหรือไม่...)

...ช่างเหอะ(เล่ามาทำไมวะเนี่ย) สุดท้ายมันก็มาติด กสพท. ที่ที่อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ล่ะ มาเป็นหมอฟัน ที่ต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมาย (ไม่รู้คิดถูกป่ะวะ) ก็เลยต้องทิ้งความคิดที่จะเรียนเศรษฐศาสตร์นั้นไป เพราะอะไร ไม่รู้ ก็ดันอุตส่าห์ฟลุคติดมาแล้ว และถ้าไม่เรียน... (ถูกสับแน่ๆ)
ก็เลยว่าจะลองดูสักตั้ง และก็ตั้งใจว่าจะไม่เครียดกับเกรดด้วย (ไม่ค่อยตั้งใจเรียนเลย แหะๆ) แต่ก็จะใช้ชีวิตให้มีสาระมากขึ้นล่ะ นี่คือความตั้งใจ ซึ่งเราก็ว่าเรามีสาระมากขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้วนะ (แล้วก่อนหน้านี้มันเป็นยังไงฟะ... ไร้สาระจนนึกไม่ออกเลย)
ตอนแรกได้ยินมาว่า เรียนทันตะ(ที่นี่) ไม่ค่อยมีฟิสิกส์ (ผิดกับอีกที่นึง ซึ่งหักโหมเรียนจนจะสร้างบ้านได้กันแล้ว) ก็เลยเอาวะ ถ้าเรียนนิดนึงก็พอซุยๆไปละกัน แต่พอมาเจอตอนนี้... ไม่รู้นี่เรียกนิดรึเปล่า แต่สำหรับพวก Physics-phobia อย่างฉันนน มันช่าง %$^#$%#&*(&$&)*$@$%!!!

เห่ยยยย ทำไงดีเนี่ย (สติแตกซะละ) - -"



สรุปและ...อย่างที่รู้ๆกันดี (แม้เราจะทำเป็นไม่รู้ในบางที) ว่าพรุ่งนี้จะสอบฟิสิกส์แล้ว
วันนี้ก็มีเพื่อนๆบางคนมานั่งฟังอาจารย์ปอ (ถ้าจะมีใครจำได้ เขาคนนี้คือคู่รหัสเจ้เองล่ะ)
สอนที่จามเก้า ซึ่งเราจะไม่ขอกล่าวโทษอาจารย์ปอว่าสอนไม่รู้เรื่อง แต่เราจะขอกล่าวโทษสมองของเราเอง และกล่าวโทษภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราที่ช่างปล่อยให้เราเป็นหวัด จามอยู่ในจามเก้ากว่าสามสิบครั้งในเวลาสามชั่วโมง (เฉลี่ยชั่วโมงละสิบครั้ง แต่เพื่อนข้างๆคอนเฟิร์มว่ามากกว่านั้น...) ปวดหัว คันจมูก ตาบวม และเบลอ... เลวร้ายมาก ยิ่งเป็นโรคกระเพาะอยู่ด้วย ทำไมเป็นหลายอย่างจริงช่วงนี้ ออกจะพักผ่อนมากนอนกินบ้านกินเมืองได้ทุกวัน ไม่เว้นแม้ในห้องเรียน...


ไม่ชอบฟิสิกส์เลยแงๆๆ อุตส่าห์ตั้งใจเรียน จดทุกคาบ ไม่หลับสักชั่วโมง (เฉพาะฟิสิกส์) แล้วทำไมยังไม่มีความฉลาดขึ้นเลยแม้เพียงน้อยนิด...

นี่ถ้าเราจะได้ D ฟิสิกส์ ก็คงไม่แปลกแล้วล่ะ T T

ไปล่ะ ไปจมลงสู่โลกอันหดหู่ของฟิสิกส์
ให้อ่านฟิสิกส์ อ่านโมลไบโอยังสุขใจกว่า (แม้จะไม่เกทอะไร แต่ก็ไม่ทำร้ายประสาท)

บายๆๆ ฝันดีนะทุกคน แม้ไม่อ่านวันนี้ เพื่อนๆก็จะได้รู้ทีหลังว่าครั้งหนึ่งก่อนสอบฟิสิกส์ ยัยนี่มีอารมณ์ยังไง (และยังจะมาเขียนอยู่อีก - -a)

มาโอ-Maou-Shirouhi-ฝ้ายไอดี47 เน้อ ~

วันอังคาร, ธันวาคม 16, 2551

Startin' เนื่องด้วยวิชา Comp App Prof /(- -)\

Blog ที่เกิดจากงานวิชา Comp App Prof

ถ้าไม่มีวิชานี้คิดเหรอว่าชั้นผู้ขี้เกียจระดับเทพเจ้าคนนี้จะเขียนบล็อค

จะสอบแล้วด้วย ไม่มีอารมณ์หรอก หนังสือยังไม่แตะสักตัว

เซ้งเว้ยยยยยยย

มาโอ-ซามา